ข่าวทั่วไป

ข่าว วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

ข่าว วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

ผู้ว่าโคราช สั่งรับมือ “วิกฤติภัยแล้ง” หลังลำตะคองลดฮวบเหลือใช้ 15%

เขื่อนลำตะคลอง 1

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

ข่าว วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ว่าโคราช วางแผนรับมือวิกฤติภัยแล้ง หลังน้ำลำตะคองลดฮวบ เหลือผลิตประปาเพียง 15% กำชับนายอำเภออย่าปล่อยให้ชาวบ้านแย่งน้ำกัน

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งกำชับไปยังนายอำเภอ ทั้ง 32 อำเภอของ จ.นครราชสีมา ให้จับตาดูสถานการณ์น้ำกักเก็บในแหล่งน้ำต่างๆ ทุกพื้นที่ของจังหวัดอย่างใกล้ชิด

เขื่อนลำตะคลอง 2

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

เนื่องจากปริมาตรน้ำเก็บกักภาพรวมในอ่างเก็บขนาดใหญ่ 4 แห่ง และขนาดกลางอีก 23 แห่ง เหลือปริมาตรน้ำเก็บกัก อยู่ที่ 498.39 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 40.82% ของความจุทั้งหมด และในจำนวนนี้เป็นน้ำใช้การได้ 435.58 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 37.61% ซึ่งจำเป็นจะต้องบริหารจัดการน้ำกันอย่างรัดกุม เพื่อให้มีน้ำเพียงพอจ่ายสำหรับกิจกรรมการใช้น้ำหลัก ได้แก่ น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค มาเป็นอันดับแรก รวมทั้ง รักษาระบบนิเวศลำน้ำ น้ำเพื่อการเกษตร และอุตสาหกรรม ตามลำดับ

เขื่อนลำตะคลอง 3

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำตะคองที่ อ.สีคิ้ว ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชาวโคราช ถึง 5 อำเภอ คือ อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตอนนี้ มีน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แค่ 67.56 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 21.48% จากความจุที่ระดับเก็บกักทั้งหมด 314.49 ล้านลูกบาศก์เมตร และเป็นน้ำใช้การได้เพียง 44.84 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 15.37% เท่านั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ “น้ำน้อยวิกฤติ” คือเหลือไม่ถึง 30%

เขื่อนลำตะคลอง 4

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ก็มีปริมาตรน้ำเก็บกักอยู่ในเกณฑ์ “น้ำน้อย” โดยอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย เหลือน้ำอยู่ที่ 78.68 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 50.77% ประมาณครึ่งอ่างฯ และเป็นน้ำใช้การได้ 77.96 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 50.54%

ส่วนอ่างเก็บน้ำมูลบน อ.ครบุรี เหลือน้ำ 67.37 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 47.79% เป็นน้ำใช้การได้ 60.37 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 45.06% และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี เหลือน้ำอยู่ 131.87 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 47.95% และเป็นน้ำใช้การได้ 124.87 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 46.59% ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 23 แห่งของจังหวัด มีปริมาตรน้ำเก็บกักรวมคงเหลืออยู่ที่ 152.89 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 45.59% และเป็นน้ำใช้การได้ 127.52 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 41.14%

ดังนั้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาอ่างเก็บน้ำแต่ละโครงการ รวมทั้ง คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแต่ละลุ่มน้ำ จะต้องร่วมกันบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมเพื่อให้มีน้ำใช้ผลิตประปาอย่างเพียงพอจนกว่าจะถึง 30 เมษายนปีนี้ หรือถึงช่วงฤดูฝนให้ได้ ซึ่งกิจกรรมอื่นๆ ที่ใช้น้ำจำนวนมาก อย่างเช่น ทำนาปรัง ต้องเข้าไปตรวจสอบและทำความเข้าใจเกษตรกรให้เปลี่ยนมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนไปก่อน เพราะน้ำเหลือน้อยจริงๆ ต้องส่งจ่ายน้ำมาให้พื้นที่ดูแลได้ใช้ผลิตประปาไว้อุปโภค-บริโภคก่อน ถ้ายังฝืนทำนาปรัง แล้วยังลอบสูบน้ำที่ส่งจ่ายมานี้ไปเข้านาเลี้ยงต้นข้าว ก็จะยิ่งส่งผลกระทบทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนไม่มีน้ำผลิตประปา จนอาจถึงขั้นเกิดการแย่งน้ำกันขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายกังวลเป็นอย่างมาก จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องชาวนาได้เห็นแก่ภาพรวมด้วย

เขื่อนลำตะคลอง 5

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

ส่วนท้องที่ท้องถิ่นก็ต้องเร่งสูบน้ำดิบที่ชลประทานส่งจ่ายมาให้ไปกักเก็บในสระน้ำดิบของแต่ละพื้นที่สำหรับไว้ใช้ผลิตประปาแจกจ่าย ส่วนชลประทานต้องบูรณาการกับท้องถิ่นช่วยกันตรวจสอบเส้นทางน้ำ อย่าให้เกิดปัญหาส่งจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคไปไม่ถึงปลายทาง และหากเกิดปัญหาการแย่งน้ำกัน ทางคณะกรรมการลุ่มน้ำจะต้องเป็นตัวแทนของชาวบ้านผู้ใช้น้ำ มาตกลงพูดคุยร่วมกันเพื่อบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคก่อนเป็นอันดับแรก

ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน มอบหมายให้เกษตรตำบลทุกตำบลไปตรวจสอบดูว่าพี่น้องทำการเกษตรอะไร จะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่เหลืออยู่ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้กำชับมา 3 เรื่อง คือ 1.น้ำกินน้ำใช้ 2.น้ำเพื่อการเกษตร และ 3.ถ้าพี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบเสียหายจากภัย ให้ทางจังหวัดรีบประชุมตรวจสอบโดยเร็ว เพื่อที่จะเบิกเงินจากคลังไปชดเชยให้พี่น้องเกษตรกร.

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์ (https://www.thairath.co.th/news/local/south/2843777)

ทิ้งคำตอบไว้

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *