ข่าวทั่วไป

ข่าววันที่ 3 มีนาคม 2568

ข่าววันที่ 3 มีนาคม 2568 เจ้าคณะตําบลดัง จ้างโกงสอบเปรียญธรรม 5 ประโยค สนามสอบหลวง ถูกปลดจ่อให้สึก

ข่าววันที่ 3 มีนาคม 2568 สั่งปลดเจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้วและเจ้าคณะตำบลมะขุนหวาน จ.เชียงใหม่ หลังจ้างพระไปสอบ ป.ธ.5 ที่กรุงเทพฯ ปลอมตัวให้คล้ายใส่แว่นเหมือนตัวจริง แต่คณะกรรมการสงฆ์คุมสอบจับได้ส่งเรื่องทุจริตถึงต้นสังกัด และตั้งคณะสงฆ์สอบสวนถือเป็นความผิดร้ายแรงทำให้เสื่อมเสียแก่พุทธศาสนา ส่วนสมภารออกไปรับกิจนิมนต์ยังไม่กลับวัดและติดต่อไม่ได้ ขณะที่คณะสงฆ์วัดสามพระยา เจ้าของสนามสอบออกมาเตือน “อย่าท้าทายกับระบบการสอบของสนามสอบส่วนกลาง”

วงการสงฆ์สะเทือนหลังเจ้าอาวาสวัดดังใน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ แถมเป็นถึงเจ้าคณะตำบล จ้างพระอีกรูปไปสอบเปรียญธรรม 5 ประโยคแทนเมื่อวันที่ 24-25 ก.พ.68 ที่สนามสอบหลวงกรุงเทพฯ ลักษณะใส่แว่นให้เหมือนตัวจริงแต่เค้าหน้าไม่ใช่ ถูกคณะกรรมการสงฆ์ที่คุมสอบจับได้คาสนามสอบ และดำเนินการสอบสวนเรื่องของการทุจริตอย่างเร่งด่วน ด้านคณะสงฆ์ของ จ.เชียงใหม่ รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ให้ทราบ เพียงแต่รอหนังสืออย่างเป็นทางการจากกรุงเทพฯ เพื่อให้ดำเนินการ สอบพระสงฆ์ที่กระทำการทุจริตดังกล่าว

ความคืบหน้าช่วงเช้าวันที่ 2 มี.ค. พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และมีหนังสือคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 02/2568 เรื่องปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทฺรญาโณ, ป.ธ. 4 ศศบ.) จากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว และเจ้าคณะตำบลมะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ด้วยปรากฏว่าพระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทฺรญาโณ, ป.ธ. 4 ศศบ.) อายุ 35 ปี 15 พรรษา เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลมะขุนหวาน กระทำการอันเป็นความผิดร้ายแรง และเป็นเหตุเสื่อมเสียแก่พุทธศาสนา ด้วยการว่าจ้างให้พระภิกษุรูปอื่นเข้าสอบบาลีสนามหลวง ประโยค ป.ธ. 5 แทนตน การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ และประกาศของมหาเถรสมาคม

นอกจากนี้ยังเป็นการทุจริตในการสอบบาลีสนามหลวงอันเป็นกิจการสำคัญของสงฆ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 และข้อ 33 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม มีคำสั่งให้ปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์จากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว และตำแหน่งเจ้าคณะตำบลมะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 2 มีนาคม 2568 อย่างไร ก็ตามคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่จะดำเนินการสอบปากคำพระภัทรญาณวิโรจน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้วอีกครั้ง เพื่อเอาผิดทางวินัยสงฆ์พิจารณาความผิดถึงขั้นต้องให้ลาสิกขาหรือไม่อยู่ในขั้นตอนต่อไป

จากกระแสข่าวฉาวดังกล่าวคณะสงฆ์ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การสอบเปรียญ 1, 2, 3, 4 ประโยคจะสอบในแต่ละจังหวัด และหากสอบเปรียญ 5 ประโยคขึ้นไปถึงเปรียญ 9 ประโยค จะต้องเดินทางไปสอบที่กรุงเทพฯ เป็นสนามสอบหลวง มีข้อมูลว่าการสอบเปรียญ 1, 2, 3, 4 นั้นระดับภูมิภาค พระสงฆ์มักจะมีการว่าจ้างสอบแทนเสมอ เพราะการตรวจสอบหย่อนยาน สนามสอบระดับภูมิภาคระดับเปรียญ 1, 2, 3, 4 ของ จ.เชียงใหม่ จะมีสนามสอบ 3 แห่งประกอบด้วยวัดพระสิงห์ อ.เมือง วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง และวัดท่าตอน อ.แม่อาย เจ้าคณะอำเภอแต่ละอำเภอที่ส่งพระสงฆ์เข้าสอบไม่ค่อยเข้มงวดตรวจสอบ กระทั่งมีการจ้างสอบแทนกันหลายต่อหลายครั้ง และได้ยศตำแหน่งสมณศักดิ์ ส่วนการสอบระดับเปรียญ 5 ประโยคถึงเปรียญ 9 ประโยคจะต้องเดินทางไปสอบที่กรุงเทพฯ คณะสงฆ์เข้มงวดกระทั่งพระที่มาสอบแทนถูกจับได้คาห้องสอบ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วในหมู่สงฆ์ทั่วประเทศ

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปวัดดงป่างิ้ว ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ พบว่าประตูหน้าวัดปิดแต่ประตูหลังเปิด วัดมีพระ 2 รูป เณร 16 รูป เข้าไปสอบถามพระลูกวัดแจ้งว่า เจ้าอาวาสไม่อยู่ไปกิจนิมนต์ตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ยังไม่กลับ และพระลูกวัดทราบเรื่องแล้วติดต่อไปที่เจ้าอาวาสปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ นอกจากนี้ไปสอบถามชาวบ้านแถววัดเปิดเผยว่า เจ้าอาวาสเป็นพระนักพัฒนาชาวบ้านรักท่าน เพราะท่านบวชมาตั้งแต่เป็นเณร ส่วนเรื่องจ้างคนสอบแทนทราบจากสื่อ ส่วนจะทำจริงหรือไม่ ไม่ขอวิจารณ์ เพราะเป็นเรื่องของคณะสงฆ์จัดการ

สำหรับเหตุการณ์ทุจริตการสอบบาลีดังกล่าว เกิดขึ้นที่สนามสอบหลวงวัดสามพระยาวรวิหาร (วัดบางขุนพรหม) เขตพระนคร กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ.2568 เป็นสนามสอบใหญ่ที่มีความเข้มงวดมากจนถูกคณะกรรมการสงฆ์ที่คุมสอบจับได้คาสนามสอบ และนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนและมีคำสั่งปลดจากทุกตำแหน่งในที่สุด

ขณะที่วัดสามพระยาออกประกาศเตือนไปยังผู้ที่กำลังทำการทุจริตการสอบบาลีหรือคิดจะทำว่า ขอให้อย่าทำการทุจริตและโปรดเห็นแก่พระศาสนา โปรดเห็นแก่พระอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ของท่าน โปรดเห็นแก่คณะสงฆ์ส่วนรวม โปรดเห็นแก่ศรัทธาญาติโยมที่เขามีความเคารพนับถือในตัวท่าน โดยเฉพาะ เจ้าคณะพระสังฆาธิการผู้จะเข้าสอบพระบาลีในปีต่อๆไป ได้โปรดคำนึงถึงจริยาพระสังฆาธิการและสมณภาวะของท่านให้มาก อย่าใช้ความอยากได้เป็นตัวนำ เพราะหากพลาดท่าถูกจับเช่นนี้ ก็จะเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวท่านมีเช่นกัน ขอเตือนมาด้วยความ ปรารถนาดี ไว้ ณ โอกาสนี้ และสุดท้ายขอเตือนทุกท่านที่จะเข้าสอบพระบาลีว่า “อย่าท้าทายกับระบบการสอบของสนามสอบส่วนกลาง”

พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะประธานสนามสอบส่วนกลางสนามใหญ่ กล่าวว่า การทุจริตใดๆก็ตามทุกรูปแบบ ทำไปไม่ว่าจะด้วยมุ่งหวังสิ่งใดก็ตามในการสอบพระบาลีนั้น ถือเป็นตราบาปที่ร้ายแรงต่อตัวผู้เข้าสอบ ทั้งเป็นการสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นในระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ รวมถึงก่อให้เกิดความมัวหมองต่อพระศาสนา เป็นการกระทำที่เหล่าบัณฑิตชนไม่สรรเสริญ และเป็นทุราจารอันน่าอับอายที่ไม่ควรเกิดขึ้นในบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นศากยบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอให้ผู้เข้าสอบตั้งใจศึกษา เล่าเรียนไปตามกำลังความ สามารถของตนจะดีกว่า

พระพรหมดิลกกล่าวอีกว่า สำหรับการสอบบาลีครั้งนี้ มอบนโยบายให้คณะกรรมการผู้ปฏิบัติงานทุกรูปเข้มงวด กวดขัน ไม่ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตใดๆขึ้น ภายในสนามสอบแห่งนี้ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์และทรงเกียรติ แม้แต่พระภิกษุสามเณรภายในวัดสามพระยาเองก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์อะไรที่นอก เหนือจากผู้เข้าสอบทั่วไป แม้แต่พระราชาคณะผู้เข้าสอบ เมื่อจะเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว คณะกรรมการจเรของวัดสามพระยาก็จะขอให้ท่านเปลื้องจีวรออกเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และตรวจค้นโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับนักเรียนผู้เข้าสอบทุกรูปทั่วไปเช่นกัน ไม่ได้ให้อภิสิทธิ์ใดๆ หรือเมื่อสนามสอบประกาศหมดเวลาแล้ว คณะกรรมการคุมสอบก็จะขอให้ท่านวางปากกาแล้วนิมนต์ให้ลุกจากที่นั่งทันที ไม่มีการต่อเวลาแต่อย่างใด เพราะถือว่าทุกท่านที่เข้ามาสอบนั้นมีฐานะเดียวคือผู้เข้าสอบ และจะต้องปฏิบัติตามกฎของสนามสอบอย่างเคร่งครัด หากปรากฏความผิดก็ว่ากันไปตามผิด ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังใดๆ โดยถือเรื่องความเท่าเทียมในการสอบและการดูแลอำนวยการสอบแบบธรรมาภิบาลเป็นสำคัญ

ขณะที่นายไพรวัลย์ วรรณบุตรหรืออดีตพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ (ป.ธ.9) วัดสร้อยทอง ออกมาโพสต์ข้อความว่า เรื่องจ้างสอบบาลีมีมานานแล้ว ในต่างจังหวัดก็ทุจริตกันฉ่ำข่มขู่พระอนุจรที่เอาข้อสอบไปเปิดก็มี พวกนี้เป็นพวกที่อยากได้ยศได้ศักดิ์เฉยๆ ไม่สนใจเรื่องความรู้อะไร สรุปคือโง่ แต่อยากได้อยากมีอย่างเขา

ที่มาข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ (https://www.thairath.co.th/news/local/2844873)

ท่องเที่ยวไทย